ความหมายและความสำคัษขององค์ประกอบศิลป์
มนุษย์เรารับรู้ถึงความสวยความงาม
ความพอใจ ของสิ่งต่างๆได้แตกต่างกับ ระดับความพอใจของแต่ละบุคคลก็แตกต่างกันออกไปทั้งนี้อาจขึ้นกับรสนิยม
สภาพสังคม ศาสนา
ความเชื่อและสิ่งแวดล้อมที่ผู้รับรู้นั้นดำรงชีวิตอยู่หากแต่ว่าผู้รับผู้ร็นั้นได้เข้าใจถึงกระบวนการ
องค์ประกอบและพื้นฐานที่สำคัญของสิ่งที่ได้สัมผัส ก็ย่อมทำให้รับรู้ถึงความงาม
ความพอใจนั้นๆเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
ศิลปะนั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีกฏเกณฑ์อะไรมากนัก
เพราะอาศัยแต่ความสุนทรียะทางอารมณ์เพียงประการเดียวแต่หากว่าได้ศึกษาถึงความสุนทรียะอย่างลึกซึ้งแล้ว
จะเห็นว่ามันมีกฏเกณฑ์ในตัวของมันเองซึ่งผู้เรียนจะต้องศึกษาถึงองค์ประกอบต่างๆเหล่านั้นที่ประกอบกันขึ้นเป็นงานศิลปะ
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือผู้เรียนจะต้องเข้าใจในหลักองค์ประกอบของศิลปะเป็นพื้นฐานเสียก่อนจึงจะสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะที่มีคุณค่าและรับรู้ถึงความงามทางศิลปะได้อย่างถูกต้อง
1.ความหมายขององค์ประกอบศิลป์
องค์ประกอบของศิลปะหรือ(composition)
นั้นมาจากภาษาละตินโดยคำว่า post นั้นหมายถึง การจัดวาง
และคำว่าcompหมายถึงเข้าด้วยกันซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้วในทางศิลปะ
Composition จึงหมายความถึง
องค์ประกอบของศิลปะการจะเกิดองค์ประกอบศิลป์ได้นั้น ต้องเกิดจากการเอาส่วนประกอบของศิลปะ
(element of art) มาสร้างสรรค์งานศิลปะเข้าด้วยหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์(Principle
of art)จึงจะเป็นผลงานองค์ประกอบศิลป์
ความหมายขององค์ประกอบศิลป์นั้นได้มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายเอาไว้ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้คำว่าองค์ประกอบ
ตามความหมายพจนานุกรมราชบัณฑิยสถานคือ
ส่วนต่างๆที่ประกอบกันทำให้เกิดรูปร่างใหม่ขึ้นโดยเฉพาะองค์ประกอบศิลป์ หมายถึง
สิ่งที่ศิลปินและนักออกแบบใช้เป็นสือในการแสดงออกและสร้างความหมายโดยนำมาจัดเข้าด้วยกันและเกิดรูปร่างอันเด่นชัด(สวนศรี ศรีแพงพงษ์ : ๘๒)
องค์ประกอบศิลป์หมายถึง
เครื่องหมายหรือรูปแบบที่นำมาจัดรวมกันแล้วเกิดรูปร่างต่างๆ
ที่แสดงออกในการสื่อความหมายและความคิดสร้างสรรค์(สิทธิศักดิ์
ธัญศรีสวัสดิ์กุล:๕๖)
องค์ประกอบศิลป์
หมายถึงส่วนประกอบต่างๆของศิลปะเช่น จุด เสน้ รูปร่าง ขนาด สัดส่วน น้ำหนัก แสง
เงาลักษณะพื้นผิวที่ว่างและสี(มานิต กรินพงศ์:๕๑)
องค์ประกอบศิลป์คือความงาม
ความพอดีลงตัว อันเป็นเป็นรากฐานเนื้อหาของศิลปะ
อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญทางศิลปะให้ผู้สร้างสรรค์ได้สื่อสารความคิดขแงตนเองไปสู่บุคคลอื่น (สุชาติ เถาทอง,สังคม ทองมี,ธำรงศักธิ์ ธำรงเลิศฤทธิ์,รอง ทองดาดาษ:๓)
จากความหมายต่างๆข้างต้น
พอสรุปได้ว่า
องค์ประกอบศิลป์หมายถึงสิ่งที่มนุษย์ใช้เป็นสื่อในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์โดยนำส่วนประกอบของศิลปะมาจัดวางรวมกันอย่างสอดคล้องกลมกลืนและมีความหมายเกิดรูปร่างหรือรูปแบบต่างๆอันเด่นชัด
ความสำคัญขององค์ประกอบศิลป์
ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในสาขาต่างๆไม่ว่าจะเป็นสาขาวิจิตรศิลป์หรือประยุกต์ศิลป์ผู้สร้างสรรค์นั้นต้องมีความร็เบื้องต้นด้านศิลปะมาก่อนและศึกษาถึงหลักการองค์ประกอบพื้นฐาน
องค์กระกอบที่สำคัญการจัดวางองค์ประกอบเหล่านั้นรวมถึงการกำหนดสีในลักษณะต่างๆเพิ่มเติมให้เกิดความเข้าใจเพื่อเวลาที่สร้างผลงานศิลปะ
จะได้ผลงานที่มีคุณค่าความหมายและความงามเป็นที่น่าสนใจแก่ผู้พบเห็นหากสร้างสรรค์ผลงานโดยขาดองค์ประกอบศิลป์
ผลงานนั้นอาจดูด้อยค่าหมดความหมายหรือไม่น่าสนใจไปเลยดังนั้น
จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบศิลป์นั้นมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างงานศิลปะมีนักศึกษาด้านศิลปะหลายท่านได้ให้ทรรศนะในด้านความสำคัญขององค์ประกอบศิลป์ที่มีต่อการสร้างงานศิลปะไว้พอจะสรุปได้ดังนี้
การสร้างสรรค์งานศิลปะให้ได้ดีนั้น
ผู้สร้างสรรค์จะต้องทำความเข้าใจกับองค์ประกอบศิลป์เป็นพื้นฐานเสียก่อนไม่เช่นนั้นแล้วผลงานที่ออกมามักไม่สมบูรณ์เท่าไรนักซึ่งองค์ประกอบหลักของศิลปะก็คือรูปทรงกับเนื้อหา(ซลูด นิ่มเสมอ)
องค์ประกอบศิลป์เป็นเสมือนหัวใจดวงหนึ่งของการทำงานศิลปะ
เพราะในงานองค์ประกอบศิลป์หนึ่งชิ้นจะประกอบไปด้วย การร่างภาพ(วาดเส้น)การจัดวางให้เกิดความงาม(จัดภาพ)และการใช้สี(ทฤษฏีสี)ซึ่งแต่ล่ะอย่างจะต้องเรียนรู้สู่รายละเอียดลึกลงไปอีก
องค์ประกอบศิลป์จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่รวบรวมความรู้หลายๆอย่างไว้ด้วยกัน
จึงต้องเรียนร็ก่อนที่จะศึกษาในเรื่องอื่นๆ (อนันต์ ประภาโส)
องค์ประกอบศิลป์
การจัดองค์ประกอบและการใช้สี เป็นหลักการที่สำคัญในการสร้างสรรค์ให้งานศิลปะเกิดความงาม
ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม วาดเขียน ประติมากรรม
สถาปัตยกรรมและการพิมพ์ภาพหากปราศจากความรู้ความเข้าใจเสียแล้วผลงานนั้นๆก็จะไม่มีค่าหรือความหมายใดๆเลย
(สวนศรี ศรีแพงพงษ์
องค์ประกอบศิลป์จัดเป็นวิชาที่มีความสำคัญสำหรับผู้ศึกษางานศิลปะ
หากว่าขาดความรู้ความเข้าใจในวิชานี้แล้วผลงานที่สร้างขึ้นมาก็ยากที่ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานศิลปะสมัยใหม่ที่มีการแสดงเฉพาะเส้น
สี แสง เงาน้ำหนัก พื้นผิว จังหวะ และบริเวณที่ว่าง
มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องนำหลักการองค์ประกอบศิลปะมาใช้ หลักการจัดองค์กรประกอบศิลป์มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับงานทัศนศิลป์โดยตรงทั้งวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์การจัดภาพหรือออกแบบสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ให้เกิดคุณค่าความงามนั้นการจัดองค์ประกอบศิลป์จะมีบทบาทสำคัญมากที่สุด
(จีรพันธ์ สมประสงค์:๑๕)
จากทรรศนะต่างๆ
สรุปได้ว่าองค์ประกอบศิลป์เป็นหัวใจสำคัญของงานศิลปะทุกสาขาเพราะงานศิลปะใดหากขาดการนำองค์ประกอบศิลป์ไปใช้
ก็จะทำให้งานนั้นดูไม่มีคุณค่า ทั้งด้านทางกายและทางจิตใจ การที่จะเข้าถึงศิลปะ(Appreciation)
นั้นจะต้องผ่านการฝึกฝน การทำซ้ำๆอย่างสนใจเมื่อนานเข้าก็จะเกิดความเข้าใจ
ทำด้วยความคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านั้นจึงจะเข้าใจ รู้เห็นคุณค่าของศิลปะนั้นๆได้ดีประวัติของกราฟฟิก
1.ยุคก่อนประวัติศาสตร์
อยู่ในช่วงยุคหินเก่าตอนปลาย(๑๐,๐๐๐-๑๕,๐๐๐ปี) มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำได้มีการขีดเขียนตามผนังถ้ำเพื่อเป็นการบันทึกเรื่องราวต่างๆ
ซึ่งอาจจะเป็นภาพที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันการล่าสัตว์เป็นต้น
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียน คือ ดินที่เป็นสี ถ่านไม้กระดูกสัตว์ หิน
หรือแม้แต่สีที่ผสมกับไขมันสัตว์เป็นต้น ภาพเหล่านี้พบได้ทั่วไปในประเทศฝรั่งเศส
แถบเหนือของสเปน เช่น ถ้ำลาสโกซ์ในฝรั่งเศส ถ้ำอัลตามิราในสเปน2.ยุคประวัติศาสตร์
เริ่มที่อียิปต์มพิธีกรรมและศาสนามากขึ้นงานทางด้านกราฟิกจึงเป็นการเขียนรูปเพื่อแสดงชีวิตประจำวันและการต่อสู้ซึ่งในยุคนี้สิ่งบันทึกเริ่มมีมากขึ้นจึงคิดเป็นสัญลักษณ์ต่างๆหรือภาพที่เกี่ยวกับพิธีกรรม
ซึ่งจะวาดไว้ตามกำแพงผนังในปีรามิดหรือแม้แต่สิ่งของต่างๆที่ใช้ในพิธีกรรมอุปกรณ์ที่ใช้การเขียนคือพู่กันกับดินสี
3.ยุคโรมัน
ปรากฎลักษณะชัดเจนในช่วงพุทธศตวรรษที่
๔ เรื่อยมา จนกระทั่งประมาณ พ.ศ.๑๐๔๐
มีการจารึกบนโลหะโดยในช่วงเวลาหลังได้เปลี่ยนสาระเรื่องราวใหม่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์
ในสมัยคริสเตียน งานพิมพ์มีบทบาทมากขึ้น เริ่มรวบรวมเย็บเป็นเล่ม เช่น คัมภีร์ไบเบิล
เป็นต้น
4.ยุคปัจจุบัน
งานด้านกราฟิกมีรูปแบบต่างๆ
มากมาย และมีบทบาทมากในชีวิตประจำวัน การเรียนการสอน งานประชาสมัพันธ์และโฆษณา
โดยเฉพาะด้านการพํฒนาของวงการอุตสาหกรรม
ได้มีการนำเอาคอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยดำเนินงาน ในการเพิ่มประสิทธิภาพของงานออกแบบ
นอกจากนี้ระบบเทคโนโลยีเลเซอร์จะนับเป็นเทคนิคสำคัญจ่อการผลิตงานทางด้านกราฟิกอย่างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น